ความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟคือหัวใจสำคัญที่ทำให้กาแฟแต่ละแก้วมีรสชาติกลมกล่อมและให้กลิ่นที่หอมละมุน สำหรับร้านกาแฟ ที่ต้องสั่งซื้อเมล็ดกาแฟเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ยังมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ต้องควบคุม ทั้งในเรื่องของราคาที่ต้องไม่สูงจนเกินไป รวมถึงระยะเวลาในการเก็บรักษาเพื่อให้เมล็ดกาแฟได้รสชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลง หรือสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการซื้อเมล็ดกาแฟไว้ทำเครื่องดื่มเองที่บ้าน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมล็ดกาแฟเก็บได้นานแค่ไหน อีกทั้งจะมีปัจจัยใดที่ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟบ้าง เราจะมาบอกให้ได้รู้กันในบทความนี้
เมล็ดกาแฟเก็บได้นานแค่ไหน มีวันหมดอายุไหม ?
ปกติแล้วเมล็ดกาแฟคั่วจะไม่มีวันหมดอายุ แต่ระยะเวลาในการจัดเก็บจะมีผลโดยตรงต่อคุณภาพ ของกลิ่นหอม และรสชาติของเมล็ดกาแฟ ทั้งยังจะส่งผลต่อประสบการณ์ของการดื่มกาแฟที่ลดน้อยลง จึงควรใช้เมล็ดกาแฟให้หมด ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยสามารถแบ่งได้เป็น ดังนี้
เมล็ดกาแฟคั่ว
เมล็ดกาแฟคั่วที่บรรจุในถุงปิดสนิท สามารถเก็บได้ 1 ปีตามที่ องค์การอาหารและยา(อย.)กำหนด รสชาติจะดีที่สุดในช่วง 1-3 เดือน หลังจากวันคั่ว และจะเสื่อมคุณภาพลงตามการเก็บรักษา
เมล็ดกาแฟคั่วที่บรรจุในถุง หลังจากเปิดซองแล้ว สามารถเก็บได้ 1-3 สัปดาห์ ก่อนซองถุงควรไล่อากาศในซองให้ได้มากที่สุด ก่อนปิดผนึกป้องกันอากาศเข้าออก
เมล็ดกาแฟคั่วบด
เมล็ดกาแฟคั่วบดที่เปิดแล้วนำออกจากซองสูญญากาศ เก็บในภาชนะทึบแสงและสุญญากาศที่อุณหภูมิห้อง สามารถดื่มได้ 1-2 สัปดาห์อย่างปลอดภัย แต่ทั้งนี้แนะนำให้ทานให้หมดเร็วที่สุด
ปัจจัยที่มีผลต่อการเสื่อมสภาพของเมล็ดกาแฟ
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการเก็บของกาแฟมีดังต่อไปนี้
อากาศ
อากาศ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เมล็ดกาแฟสูญเสียความสดใหม่ เนื่องจากออกซิเจนในอากาศจะทำปฏิกิริยากับสารประกอบในเมล็ดกาแฟ ส่งผลให้เมล็ดกาแฟเกิดกลิ่นหืน มีรสชาติจืดชืด และสูญเสียคาเฟอีน
ความร้อน
ความร้อน เป็นปัจจัยที่เร่งปฏิกิริยาทางเคมีในเมล็ดกาแฟ ทำให้เมล็ดกาแฟสูญเสียกลิ่นหอม รสชาติ และสารประกอบที่มีประโยชน์ อย่างคาเฟอีนไป
ความชื้น
ความชื้น เป็นอีกหนึ่งศัตรูตัวร้าย ที่ทำลายคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ทำให้เกิดเชื้อรา กลิ่นเหม็นหืน และสูญเสียรสชาติ
วิธีจัดเก็บเมล็ดกาแฟ ช่วยคงคุณภาพ และรสชาติไว้ได้
เก็บไว้ให้มิดชิด ในถุงฟอยล์ มีซิปล็อกปิดสนิท หรือเก็บในควรแก้วทึบแสงที่มีฝาซีล เพื่อปกป้องเมล็ดกาแฟจากแสงแดด ความชื้น และอากาศ ที่จะส่งผลให้คุณภาพของเมล็ดกาแฟ รวมถึงกลิ่นหอม และรสชาติที่เจือจางลงด้วย
ภาชนะต้องแห้งสนิท ไม่มีความชื้น เนื่องจากหากเมล็ดกาแฟดูดซับความชื้นเข้าไป จะทำให้รสชาติและกลิ่นของกาแฟเปลี่ยนไปจากเดิม
ไม่นำไปแช่ในตู้เย็นช่องปกติ เมื่อเอาเมล็ดกาแฟออกจากตู้เย็น ความแตกต่างของอุณหภูมิจะทำให้เกิดการควบแน่นบนเมล็ดกาแฟ ซึ่งจะเพิ่มความชื้นและทำให้เมล็ดเสียเร็วขึ้น อีกทั้งยังมีความเสี่ยงกลิ่นของอาหารและวัตถุดิบอื่น ๆ เจือปนอยู่ ซึ่งเมล็ดกาแฟจะดูดความชื้นและกลิ่นเหล่านี้เข้าไป ทำให้กาแฟสูญเสียรสชาติ และกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ไปในที่สุดทั้งนี้การเก็บรักษาในพื้นที่อากาศเย็นเป็นการช่วยชะลอการเสื่อมคุณภาพของกาแฟ แต่ควรทำอย่างถูกต้อง
ทั้งหมดนี้ คงทำให้รู้วิธีในการจัดเก็บเมล็ดกาแฟอย่างถูกต้องกันแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการซื้อกาแฟไปไว้ชงดื่มเองที่บ้าน แต่รู้สึกว่าขั้นตอนการจัดเก็บเมล็ดกาแฟ หรือการชงกาแฟสดนั้นยุ่งยาก กาแฟฟรีซดรายอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคุณมีผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปฟรีซดราย ที่มีเทคโนโลยีการผลิตในการกักเก็บกลิ่นหอมธรรมชาติของกาแฟเอาไว้ พร้อมส่งความสุขจากที่ราบสูงโบลาเวนสู่ถ้วยกาแฟของคุณแล้ววันนี้ สั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ของเรา หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง LINE Official และเบอร์ 081-854-8277
ข้อมูลอ้างอิง
How Long Does Coffee Last? Ground, Brewed, Cold Brew, and More. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 จาก https://www.healthline.com/nutrition/how-long-does-coffee-last
How Long Does Coffee Last?. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 จาก https://www.webstaurantstore.com/blog/4658/how-long-does-coffee-last.html
Comments